เมอร์ฟี่ชี้จุดเวสต์แฮมต้องทำเพื่อท้าชิงท็อปโฟร์

แดนนี่ เมอร์ฟี่ กูรูฟุตบอลคนดังชื่นชมฟอร์มการเล่น เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่เอาชนะ เชลซี ได้ในเกมลีกล่าสุด พร้อมระบุเรื่องที่ "ขุนค้อน" ต้องทำเพื่อโอกาสคว้าตั๋วไปเล่นบอลถ้วยใหญ่ ยุโรป

"เดอะ แฮมเมอร์ส" โชว์ความร้อนแรงด้วยการเปิดบ้านทุบ "สิงห์บลูส์" ไปแบบสุดมันส์ 3-2 ทั้งที่เป็นฝ่ายตามหลังสองครั้งสองครา โดยประตูชัยได้จาก อาร์เธอร์ มาซูอากู ในช่วงท้ายเกม และจากชัยชนะดังกล่าวส่งให้พวกเขายึดอันดับ 4 ของตารางคะแนนด้วยการมี 27 แต้มจาก 15 นัดนำหน้า อาร์เซน่อล ทีมที่ตามมาอยู่ 4 คะแนน

อย่างไรก็ดี คำถามที่เกิดขึ้น น่าสนใจว่า ทีมของ เดวิด มอยส์ จะยืนระยะได้นานแค่ไหน และบอร์ดบริหารจะให้การสนับสนุนทีมในช่วงตลาดเดือนมกราคมนี้หรือไม่ เพื่อเป้าหมายในการผ่านเข้าไปเล่นศึก แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้า นานมาแล้วที่ 4 อันดับแรกของลีกสูงสุด อังกฤษ ไม่มีทีมหน้าใหม่เข้ามาแทรกได้ ถึงกระนั้น เมอร์ฟี่ ดูบอลสด อดีตแข้งคนดังที่ปัจจุบันรับหน้าที่เป็นกูรูลูกหนัง กล่าวผ่านคอลัมน์ของตัวเองใน เดลี่ เมล เชื่อว่า เวสต์แฮม มีศักยภาพดีพอที่จะประสบความสำเร็จในซีซั่นนี้ แต่ต้องได้รับการเสริมทัพผู้เล่นช่วงตลาดหน้าหนาวสักสองราย เหมือนที่ปีก่อนทำการดึง เจสซี่ ลินการ์ด เข้ามาในช่วงครึ่งหลังของฤดูกาล และทำผลงานยอดเยี่ยมจนพาทีมไปเล่นฟุตบอล ยูโรปา ลีก

โดยปัญหาของ "ขุนค้อน" คือเรื่องอาการบาดเจ็บตรงแนวรับที่ก่อนหน้านี้ อังเจโล่ อ๊อกบอนน่า

เดี้ยงยาวไปแล้ว และล่าสุดเป็น คูร์ต ซูม่า ที่เจอปัญหานั้นเช่นเดียวกันในเกมเจอ เชลซี นอกจากนี้ อดีตดาวเตะ"หงส์แดง" ยังเสริมว่าตำแหน่งกองหน้าคือสิ่งที่ เวสต์แฮม ควรได้รับการเสริมทัพเพื่อเป็นทางเลือกรองต่อจาก มิคาอิล อันโตนิโอศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่แรกประจำวันเสาร์ที่ 4 ธันวาคม 2564 ที่สนาม ลอนดอน สเตเดี้ยม เป็นเกมลอนดอน ดาร์บี้ แมตช์ ระหว่าง เวสต์แฮม ทีมอันดับ 4 ของตาราง พบ เชลซี จ่าฝูง

เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีม "ขุนค้อน" พาทีมไม่ชนะมา 3 นัดติดต่อกันแล้ว โดยนัดนี้ปรับมาเล่นหลัง 3 หลังจาก แอรอน เครสเวลล์ มีอาการบาดเจ็บ ขณะที่แนวรุกใช้ มานูเอล ลันซินี่, จารอด โบเว่น และ มิคาอิล อันโตนิโอ ด้าน เชลซี ของ โธมัส ทูเคิ่ล พาทีมไม่แพ้ใครในลีกมา 8 นัดติดต่อกัน เกมนี้ยังใช้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า โดยมี เมสัน เมาท์น และ ฮาคิม ซีเย็ค แนเกมอยู่ด้านหลัง เปิดฉากครึ่งแรกมา เชลซี เดินหน้าครองเกมบุกเข้าใส่ทันที แต่กลายเป็น เวสต์แฮม ที่ได้ทักทายก่อนในนาทีที่ 8 จากจังหวะสวนกลับ จาร์ร็อด โบเว่น หลุดเข้าเขตโทษก่อนจะซัดด้วยซ้ายบอลหลุดกรอบออกไปจากนั้นาทีถัดมา เวสต์แฮม ได้ลุ้นต่อเนื่อง อีสซ่า ดิย็อป เติมขึ้นมาทางกราบซ้ายแล้เปิดเข้าเขตโทษให้ โทมัส ซูเช็ค ขึ้นโหม่งบอลหลุดเสาไกล เชลซี ตอบโต้ขึ้นมาทันควัน และได้จบสกอร์ครั้งแรกจากการยิงด้วยขวาบริเวณหัวกระโหลกของ รีซ เจมส์ แต่ยังไม่ผ่านมือของ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ พุ่งรับไว้ได้

ในนาทีที่ 10 หลังจากนั้น เชลซี เกือบขึ้นนำ ในนาทีที่ 26 รีซ เจมส์ เปิดเข้าเขตโทษให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้ขึ้นโหม่งเน้นๆ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ก็ยังพุ่งรับไว้ได้อีก จนกระทั่งนาทีที่ 29 ความพยายามของ เชลซี ก็มาสัมฤทธิ์ผลขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวา เมสัน เมาท์น เปิดให้ ติอาโก้ ซิลวา ขึ้นโหม่งคราวนี้ ลูคัส ฟาเบียนสกี้ ปัดไม่พ้นบอลข้ามเส้นเข้าประตูไป